เมนู

ส่อเสียด พวกพูดคำหยาบ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกพูด
คำหยาบ พวกพูดเพ้อเจ้อ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกพูด
เพ้อเจ้อ.
[396] พวกเว้นขาดจากปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อม
สมาคมกันกับพวกเว้นขาดจากปาณาติบาต พวกเว้นขาดจากอทินนาทาน
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจากอทินนาทาน พวก
เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้น
ขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร พวกเว้นขาดจากมุสาวาท ย่อมคบค้ากัน ย่อม
สมาคมกันกับพวกเว้นขาดจากมุสาวาท พวกเว้นขาดจากคำส่อเสียด
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจากคำส่อเสียด. พวกเว้น
ขาดจากคำหยาบ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจาก
คำหยาบ พวกเว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน
กับพวกเว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ.
จบสัตตกัมมปถสูตรที่ 4
อรรถกถาสัตตกัมมปถสูตรที่ 4 ไม่มีอรรถถถาอธิบาย.

5. ทสกมมปถสูตร



ว่าด้วยกรรมบถ 10



[397] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย . . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือพวก
ทำปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำปาณาติบาต
พวกทำอทินนาทาน. . . พวกทำกาเมสุมิจฉาจาร. . . พวกมุสาวาท. . .
พวกพูดส่อเสียด. . . พวกพูดคำหยาบ. . . พวกพูดเพ้อเจ้อ. . . ย่อม
คบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกพูดเพ้อเจ้อ พวกมีอภิชฌามาก ย่อม
คบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกมีอภิชฌามาก พวกมีจิตพยาบาท ย่อม
คบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกมีจิตพยาบาท พวกมิจฉาทิฏฐิ ย่อมคบค้า
กัน ย่อมสมาคมกันกับพวกมิจฉาทิฏฐิ.
[398] พวกเว้นขาดจากปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมา-
คมกันกับพวกเว้นขาดจากปาณาติบาต พวกเว้นขาดจากอทินนาทาน. . .
พวกเว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร. . . พวกเว้นขาดจากมุสาวาท. . . พวก
เว้นขาดจากพูดส่อเสียด. . . พวกเว้นขาดจากพูดคำหยาบ . . . พวกเว้น
ขาดจากพูดเพ้อเจ้อ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจาก
พวกพูดเพ้อเจ้อ พวกไม่มีอภิชฌา ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวก
ไม่มีอภิชฌา พวกมีจิตไม่พยาบาท ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวก
มีจิตไม่พยาบาท พวกสัมมาทิฏฐิ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับ
พวกสัมมาทิฏฐิ.
จบทสกัปปมถสูตรที่ 5

อรรถกถาทสกัมมปถสูตรที่ 5



พึงทราบวินิจฉัยในทสกัมมปถสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้.
ชื่อว่า พวกทำปาณาติบาต เพราะอรรถว่า ทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง
ไป. อธิบายว่า พวกฆ่าสัตว์มีชีวิต. ชื่อว่า พวกทำอทินนาทาน เพราะ
อรรถว่า ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ อธิบายว่า ลักของผู้อื่น. ชื่อว่า
พวกทำกาเมสุมิจฉาจาร เพราะอรรถว่า ประพฤติผิดในวัตถุกาม ด้วย
กิเลสกาม. ชื่อว่า พวกมุสาวาท เพราะอรรถว่า พูดเท็จ อธิบายว่า
พูดวาจาเท็จ เหลาะแหละ หักรานประโยชน์ของผู้อื่น. ชื่อว่า พวก
ปิสุณวาจา
เพราะอรรถว่า มีวาจาส่อเสียด. ชื่อว่า พวกผรุสวาจา เพราะ
อรรถว่า มีวาจาหยาบตัดเสียซึ่งคำรัก. ชื่อว่า พวกสัมผัปปลาปะ เพราะ
อรรถว่า พูดคำเพ้อเจ้อ ไร้ประโยชน์. ชื่อว่า พวกมีอภิชฌาลุ เพราะ
อรรถว่า เพ่งเล็ง อธิบายว่า เป็นคนมีปกติอยากได้ในภัณฑะของผู้อื่น.
ชื่อว่า พวกมีพยาปันนจิต เพราะอรรถว่า มีจิตพยาบาท คือเสีย. ชื่อว่า
พวกมิจฉาทิฏฐิ เพราะอรรถว่า มีความเห็นผิด คือลามก ผู้รู้ติเตียน
อธิบายว่า ประกอบด้วยทิฏฐิอันไม่นำให้พ้นทุกข์ เนื่องด้วยกรรมบถ
คือเนื่องด้วยความเห็นผิดมีวัตถุเป็นต้นว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล. ชื่อว่า
สัมมาทิฏฐิ เพราะอรรถว่า มีความเห็นชอบ คืองาม ผู้รู้สรรเสริญ
อธิบายว่า ประกอบด้วยมัคคทิฏฐิ เนื่องด้วยกรรมบถ เนื่องด้วยความ
เห็นชอบว่าสัตว์มีกรรมเป็นของ ๆ ตน เป็นต้นว่า ทานที่ให้แล้วมีผล
นี้เป็นเพียงชื่อว่าการพรรณนาบทที่ยากในสูตรนี้ก่อน.
ส่วนบทเหล่านั้น มีอรรถ 10 อย่างในธรรมฝ่ายดำ คือปาณาติบาต